The Sinner Season 3

ดูหนังออนไลน์

รีวิว The Sinner Season 3 - คนบาป ซีซั่น 3

ซีรีส์ฝรั่งแนวสืบสวนที่พลิกการเล่าเรื่องใหม่ เพราะเฉลยตัวฆาตกรตั้งแต่ฉากแรก แต่เรื่องจะมุ่งเน้นการค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่ รวมถึงแรงจูงจงใจ ซึ่งเมื่อขุดค้นไปเรื่อยๆ เรื่องราวกลับโยงไปสู่ความจริงเบื้องหลังที่มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนที่สุดหักมุมอย่างไม่น่าเชื่อ รีวิว The Sinner Season 3

เรื่องย่อ

ณ เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในนิวยอร์ก เจ้าหน้าที่สืบสวนคนหนึ่งที่มีปมปัญหาน่าหวั่นใจต้องหาคำตอบเบื้องหลังคดีอาชญากรรมชวนฉงน และต่อสู้กับด้านมืดในจิตใจของตัวเองไปพร้อมๆ กันกับนักสืบแฮร์รี่ แอมโบรสสืบสวนเหตุรถชนสุดสยองที่นำไปสู่คดีที่อันตรายและซับซ้อนที่สุดคดีหนึ่งในชีวิตการทำงาน


เรื่องราวจะแบ่งหนึ่งซีซันต่อหนึ่งคดีใหญ่ ซึ่งก็ไม่ได้เชื่อมต่อกัน แต่ทั้งสองคดีมีคอนเซปต์หลักที่คล้ายกันคือ ฆาตกรแต่ละซีซันดูเหมือนเป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้มีพิษภัยอะไร และไม่น่าจะมีเหตุให้ลงมือฆาตกรรม แต่เมื่อตัวเอกลองสืบสวนลึกลงไปกลับพบว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่มากกว่าที่เห็น รวมถึงเล่นปมทางจิตวิทยาที่น่าสนใจ

ก่อนอื่นต้องบอกว่า ซีรีส์แนวสืบสวนทั่วไป จะมีแพทเทิร์นอย่างหนึ่งที่เราพบเห็นเป็นประจำคือ เกิดคดี นักสืบ หรือทีมงานเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ พบผู้ต้องหา หรือพยาน สอบปากคำ ค้นหาความจริง ค้นหาว่าฆาตกรคือใคร เชื่อมโยงสิ่งที่เกี่ยวข้อง ออกตามล่าฆาตกร และหลายคดีก็จะพบเบื้องหลังอื่นๆอีก

แต่เรื่องนี้มีความพยายามที่จะฉีกแนวทางการเล่าเรื่อง นั่นคือตัวเรื่องจะมีการเฉลยตั้งแต่ 10 นาทีแรกในตอนแรกสุดของแต่ละซีซันว่า คนร้ายคือใคร รวมถึงวิธีสังหารด้วย (ซีซัน 1 และ 2 ใช้วิธีนี้หมด)

เพราะฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่ดูหนังออนไลน์จะไม่ต้องสืบหาเลยในซีรีส์นี้ก็คือ ฆาตกร และ วิธีสังหาร แต่ซีรีส์กลับโยนระเบิดลูกใหญ่เข้ามาหาคนดูแทน นั่นคือเราจะพบว่าฆาตกรในเรื่อง ดูแล้วเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นคนที่ไม่น่าจะลงมือก่อการอะไรด้วยซ้ำ

แต่พวกเขาทำไปแล้ว แบบนี้จะรอดพ้นโทษได้ยังไง ดังนั้นสิ่งที่ท้าทายซีรีส์เรื่องนี้คือ การสืบค้นหา “แรงจูงใจ” ของการฆาตกรรม ที่มีความสลับซับซ้อนมากกว่าที่ตาเห็น

โดยตัวเรื่องจะแบ่งเป็นหนึ่งซีซันต่อหนึ่งคดีหลัก และในระหว่างนั้นก็ไม่มีคดีย่อยด้วย คือทั้งซีซันมุ่งสู่การค้นหาความจริงในคดีเดียวล้วนๆ ทำให้เรื่องนี้มีจุดเด่นในแง่เป้าหมายการสืบสวนที่ชัดเจน

ในซีซั่นที่ 1

ซีซัน 1 เกิดคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญไปทั่วชายหาดแห่งหนึ่งของเมืองเล็กๆที่แทบไม่มีคดีร้ายแรงแบบนี้เกิดขึ้น เมื่อหญิงสาว โคร่า ที่เดินทางมาเที่ยวพักผ่อนพร้อมครอบครัวคือสามีและลูกสาว จู่ๆกลับก่อเหตุเอามีดไปจ้วงแทงชายคนหนึ่งที่กำลังพลอตรักกับแฟนสาวอยู่บนชายหาด ท่ามกลางพยานผู้เห็นเหตุการณ์นับร้อยคน

ในซีซั่นที่ 2

ในซีซัน 2 นักสืบแอมโบรสต้องกลับมารับหน้าที่สืบสวนคดีฆาตกรรมปริศนาอีกครั้ง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสาว เฮเธอร์ ลูกสาวของเพื่อนเก่าของแอมโบรสได้ติดต่อมาขอความช่วยเหลือจากเขาให้มาช่วยไขคดีฆาตกรรมร้ายแรง ที่สุดสดแสนจะเป็นปริศนา เมื่อเธอพบว่า เด็กชายผิวสีที่ดูใสซื่ออย่าง จูเลียน กลับเป็นคนลงมือวางยาใส่พ่อแม่ของตนจนเสียชีวิตโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ

เนื้อเรื่องซีซั่น 3

การกลับมาในซีซัน 3 ของ นักสืบแอมโบรส ที่ต้องเผชิญหน้ากับคดีฆาตกรรมปริศนา แต่ในภาคนี้ รูปแบบการเดินเรื่องได้แตกต่างจากสองซีซันที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ในซีซัน 1 และ 2 เรื่องเปิดมาด้วยคดีฆาตกรรมที่คนดูจะทราบตัวฆาตกรตั้งแต่แรก แต่จะพบว่าฆาตกรเหล่านั้นดูไม่น่าจะมีแรงจูงใจให้ลงมือเอาซะเลย แถมทั้งสองซีซันที่ผ่านมา ฆาตกรทั้งสองคนนั้น พวกเขาเป็นแค่ ผู้หญิงธรรมดา และเด็กชายคนหนึ่ง ดังนั้นปริศนาของเรื่องก็คือการตามสืบหาว่า เกิดอะไรขึ้น ถึงทำให้คนธรรมดาแบบนั้นกลับลงมือฆ่าคนด้วยวิธีที่ค่อนข้างโหดซะด้วย

ซึ่งในบทสรุปของทั้งสองซีซันก็ทำออกมาได้ดี เพราะกลายเป็นว่าคนร้ายทั้งสองคนนั้นแท้จริงแล้วคือเหยื่อซะมากกว่า แล้วพวกเขาก็ไม่ได้ถูกลงโทษถึงชีวิต หรือจะต้องติดคุกยาวนาน แต่ได้รับการลดหย่อนโทษตามสมควรจากความผิดที่พวกเขาก็ไม่ได้ตั้งใจก่อ

แต่ซีซัน 3 เรื่องราวซีรี่ย์ Netflixนำเสนอเปลี่ยนแปลงไปหมด แม้ว่าจะยังมีจุดที่เหมือนกันอยู่คือ คนร้ายในซีซันนี้ ก็ดูเป็นชายหนุ่มธรรมดาทั่วไป

เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อ เจมี่ (นำแสดงโดย Matt Bomer) ชายหนุ่มที่เป็นอาจารย์ในโรงเรียนมัธยมหญิงล้วนในชานเมือง ภายนอกเป็นคนดูดีมีเสน่ห์ เป็นที่รักใคร่ของนักเรียน ตัวเขาก็มีภรรยาที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอด ดูแล้วไม่น่ามีพิษมีภัยอะไรกับใคร แต่แล้วคืนหนึ่ง กลับมีเพื่อนเก่าของเขามาเยี่ยมถึงบ้าน แล้วก็กลายเป็นว่าหลังจากนั้นเพื่อนของเขากลับเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ที่ตัวเขารอดมาได้

ซึ่งก็เป็นสิ่งที่นักสืบแอมโบรส์ได้รับหน้าที่เข้ามาสืบสวน และเขาก็พบว่าที่จริงแล้วอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมันมีอะไรมากกว่านั้น รวมถึง เจมี่ ครูมัธยมมากเสน่ห์ ก็มีอะไรที่ซ่อนอยู่ในตัวเขาด้วย

จุดเด่นในซีซั่น 3

ข้อเด่นของซีซัน 3 เท่าที่เห็นคือ การฉีกแนวไปจากสองซีซันก่อน ที่ช่วยให้ไม่จำเจเกินไป เดาทางได้ยากว่าบทสรุปจะเป็นยังไงต่อไป อีกทั้งนักแสดงในบทเจมี่ ที่ได้ Matt Bomer ก็ทำได้ดีเอามากๆ เนื่องจากรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่น เรียกว่าเขาไปเป็นพระเอกซีรีส์สักเรื่องได้สบายมาก การแสดงของเขาก็เฉียบขาด ทั้งในช่วงที่ยังไม่เกิดเรื่องกับช่วงที่อดีตของเขาเริ่มเผยออกมามากขึ้นเรื่อยๆ แสดงได้โรคจิตดี

รีวิว The Sinner Season 3

จุดด้อย

แต่ข้อด้อยนั้น สำหรับคนที่เข้ามาดู The Sinner โดยคาดหวังรสชาติแบบเดิมๆอาจจะผิดหวัง เพราะซีซันนี้มีเรื่องราวที่มืดหม่นมากขึ้น การเดินเรื่องช้า แต่ในช่วงสองตอนสุดท้าย คนดูอาจจะเริ่มเข้าใจสารสำคัญของซีซันนี้มากขึ้น เพราะเหมือนเรากำลังรับชมเรื่องราวของคนที่กำลังจะกลายเป็น “วายร้าย” ในหนังสืบสวนหรืออะไรสักอย่าง

ว่าถ้าเขาถูกบีบคั้นมากๆด้วยวิธีการช่วยเหลือที่อาจจะไม่ค่อยเข้าท่านัก ผลมันจะออกมาเป็นยังไงบ้าง แม้ว่าตอนสุดท้ายที่เป็นบทสรุปของเรื่องจะทำออกมาแล้วขัดใจคนดูอยู่บ้าง (ในเว็บ IMDB ให้คะแนนตอนจบของซีซัน 3 ไม่ดีนัก)

แต่ในมุมหนึ่งมันก็เหมือนเป็นการสอนคนดูด้วยว่า จะทำตัวเป็นคนร้าย มันไม่ได้ออกมาดีนักหรอก อย่าไปทำเลย และตำรวจในโลกจริงๆไม่มารอเสียเวลาต่อปากต่อคำกับคนร้ายเหมือนในซีรีส์ที่เราดูกัน ถ้ายิงได้เขายิง เพราะงั้นจะมาเล่นเป็นคนร้าย มันไม่สนุกในความเป็นจริงนักหรอก ซึ่งถ้ามองในมุมนี้ ก็ถือว่าซีรีส์นำเสนอออกมาได้ดีแล้ว

โดยรวม

ในภาพรวมแล้ว ซีซัน 3 พยายามที่จะหาทางฉีกแนวเรื่องให้แตกต่างออกมาจากซีซันก่อน เจมี่ ซึ่งเป็นคนร้ายในซีันนี้ดูแล้วไม่ได้เป็นคนน่าสงสารมากเหมือนกับสองคดีก่อน (ที่เป็นผู้หญิงและเด็ก) แล้วที่เพิ่มเข้ามาในภาคนี้ก็คือ การล้วงลึกในเชิงปมจิตวิทยาที่อาจจะดูแล้วมืดหม่นและมีบทพูดที่เข้าใจยากไปบ้าง

เพราะมีการอ้างอิงคำพูดในเชิงปรัชญาตะวันตกพอสมควร โดยเฉพาะปรัชญาของนีทเช่ ที่ถือว่าเป็นคีย์หลักของเรื่อง โดยเฉพาะประโยคที่บอกว่า “ถ้าเราจ้องมองนรกนานเกินไป นรกจะจ้องเรากลับ” ซึ่งประโยคนี้เองที่เป็นคีย์สำคัญของเรื่อง โดยเฉพาะในตอนท้าย จากการเผชิญหน้ากันระหว่างแอมโบรสและเจมี่

สรุป

เป็นซีรีส์สืบสวนที่พยายามหาทางฉีกจากแนวเดิมๆ เน้นหาแรงจูงใจของฆาตกรที่ดูแล้วเหมือนพวกเขาเป็นเหยื่อที่ทำให้น่าเห็นใจด้วย มีจุดหักมุม การเล่าเรื่องอืดไปบ้าง นักแสดงหลักก็มีอายุ บางคนอาจจะไม่ชอบ

เป็นความพยายามฉีกแนวทางของเรื่องให้ไม่ซ้ำซาก ถึงแม้ว่าในแง่บทอาจจะดูแปร่งๆอยู่บ้าง แต่สารสำคัญของซีซันนี้มีความชัดเจน และควรรับชม

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

The Babysitter

Pokemon Mewtwo Strikes Back Evolution

One punch man - เทพบุตรหมัดเดียวจอด