Santa Clarita Diet

 

ดูหนังฟรี

รีวิว Santa Clarita Diet - ซานต้า คลาริต้า ไดเอต

เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่เพิ่งถูกแคนเซิลสดๆร้อนๆจาก เน็ตฟลิกซ์ ตามโมเดลสร้างแค่ 3 ซีซัน แต่อยากจะบอกว่ามีหลายสิ่งเหลือเกินที่เราคิดว่าหาก เน็ตฟลิกซ์ หรือใครหยิบยื่นโอกาสสร้างต่อน่าจะทำให้แฟนๆได้ติดตามกันอย่างต่อเนื่องทีเดียว รีวิว Santa Clarita Diet

เรื่องย่อ

คราวนี้ครอบครัวแฮมมอนด์ทั้ง ชีลา (ดรูว์ แบรีมอร์) โจเอล( ธีโมที โอลีแฟนต์) และ แอ๊บบี้ (ลิฟ ฮิวสัน) จำต้องผนึกพลังร่วมใจกันมากกว่าที่เคย เมื่อพวกเขาได้รับรู้ว่าในโลกนี้มีองค์กรอัศวินแห่งเซอร์เบียที่ออกตามล่าผีดิบอย่างชีลาอยู่ และในขณะเดียวกันก็ยังมีเหตุการณ์วายป่วงมากมายทั้งกรณีตำรวจที่จ้องเล่นงานแอ๊บบี้และเอริก (สกายเลอร์ กิแซนโด) เพื่อนบ้านหนุ่มที่แอบกิ๊กแต่ไม่แสดงออก ลามไปจนการที่ชีลาเริ่มกลายเป็นศาสดาของพวกคลั่งศาสนา งานนี้จะป่วนจะมันส์จะฮาแค่ไหนต้องติดตาม


มีภาพยนตร์และซีรีส์มากมายที่เล่าถึงปัญหาครอบครัว โดยปัญหาทั่ว ๆ ไปที่เรามักได้ชมกันก็เช่น เรื่องเงิน หรือความสัมพันธ์ของคนในบ้าน แต่ไม่ใช่กับ Santa Clarita Diet (Original Series จาก Netflix) ที่เล่าเรื่องราวของครอบครัวแฮมมอนด์ที่มีสมาชิกประกอบไปด้วยพ่อแม่ลูกที่อาศัยอยู่ในเมืองซานต้า คลาริต้า แม้ฉากหน้าของครอบครัวนี้อาจดูเหมือนครอบครัวปกติทั่วไป แต่ความจริงแล้วมีอยู่คนหนึ่งในบ้านนี้ที่เป็นผีดิบและต้องคอยออกล่าคนเป็น ๆ เพื่อมาเป็นอาหาร

เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่เพิ่งถูกแคนเซิลสดๆร้อนๆจาก เน็ตฟลิกซ์ ตามโมเดลสร้างแค่ 3 ซีซัน แต่อยากจะบอกว่ามีหลายสิ่งเหลือเกินที่เราคิดว่าหาก เน็ตฟลิกซ์ หรือใครหยิบยื่นโอกาสสร้างต่อน่าจะทำให้แฟนๆได้ติดตามกันอย่างต่อเนื่องทีเดียว

เมื่อพูดถึงภาพยนตร์ดูหนังฟรีซอมบี้หรือผีดิบ หลาย ๆ คนอาจคุ้นตากับผีดิบที่ไม่มีสติและคอยวิ่งไล่กินคนเพื่อเป็นอาหาร โดยมีพื้นหลังเป็นโลกที่ติดเชื้ออะไรสักอย่างและเหล่าตัวละครต้องฝ่าดงผีดิบเพื่อเอาชีวิตรอดไปให้ได้ แต่กับซีรีส์เรื่องนี้จะชวนให้ลบภาพผีดิบเดิม ๆ ออกไป แม้ผีดิบในเรื่องจะกินคนเหมือนในภาพยนตร์หรือซีรีส์เรื่องอื่น ๆ ที่เราเคยเห็นผ่านตากันมาก็ตาม

แต่อารมณ์ของเรื่องนั้นแตกต่างกันอย่างโดยสิ้นเชิง เพราะผีดิบในเรื่องก็เหมือนคนปกติทั่วไป ออกไปทำงานพบปะผู้คน มีเพื่อนฝูง มีครอบครัว ที่สำคัญผีดิบในเรื่องก็มีสติพูดคุยได้เหมือนมนุษย์ทั่วไป และโลกที่อาศัยอยู่ก็ไม่ได้มีไวรัสประหลาดอะไรหลุดออกมาทำให้มีซอมบี้เดินกันเพ่นพ่าน

เนื้อเรื่อง

เรื่องราวเล่าผ่านครอบครัวหนึ่งในเมือง Santa Clarita ที่ประกอบไปด้วย ชีล่า แฮมมอนด์ (แสดงโดย Drew Barrymore จากภาพยนตร์เรื่อง 50 First Dates) หญิงสาวนายหน้าขายบ้านที่จู่ ๆ วันหนึ่งเธอตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองกลายเป็นผีดิบที่ไม่สามารถกินอะไรได้นอกจากเนื้อคนดิบ ๆ

โดยมี โจเอล แฮมมอนด์ (แสดงโดย Timothy Olyphant จากภาพยนตร์เรื่อง Hitman) ที่เป็นทั้งสามี เพื่อนร่วมงาน และคนที่คอยพาชีล่าออกไปหาอาหารซึ่งก็คือมนุษย์เป็น ๆ นั่นเอง และ แอ็บบี้ แฮมมอนด์ (แสดงโดย Liv Hewson) ลูกสาวของทั้งคู่ที่มักพยายามเข้ามามีเอี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ ของชีล่าและโจเอลเสมอ

การดำเนินเรื่อง

ซีรีย์ Santa Clarita Diet จะทำให้เราเห็นวิธีเอาตัวรอดของครอบครัวนี้ว่าพวกเขาต้องหาเนื้อมนุษย์มาจากไหน ต้องออกไปทำงานอย่างไร ใช้ชีวิตอย่างไรให้เป็นปกติที่สุด และยังปิดบังความจริงไม่ให้คนอื่นได้รู้ แต่เนื้อเรื่องหนังใหม่ชนโรงจะไม่ได้วนอยู่กับครอบครัวนี้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ในระหว่างทางเราจะได้พบกับบุคคลมากมายที่เข้ามาสร้างความสนุก ตลก และทำให้รู้ว่าทำไมตัวนางเอกจึงกลายมาเป็นซอมบี้แบบนี้

เนื้อเรื่องทั้ง 3 ซีซั่น

โดยรวมตัวเนื้อเรื่องทั้ง 3 ซีซั่นจะเล่าต่อกันเป็นเรื่องเดียวตั้งแต่ซีซั่นแรกจนถึงซีซั่นสุดท้ายโดยไม่ได้แบ่งเรื่องราวหรือประเด็นเป็นซีซั่น ๆ แล้วจบให้ลุ้นต่อในซีซั่นถัด ๆ ไป แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเนื้อเรื่องจะวนอยู่กับครอบครัวของแฮมมอนด์เท่านั้น เพราะระหว่างที่เรื่องดำเนินไปแต่ละซีซั่นก็จะมีตัวละครใหม่ ๆ พร้อมกับเรื่อง (ปัญหา) ใหม่ ๆ เข้ามาสร้างสีสันให้อยู่เรื่อย ๆ

โดยหลัก ๆ แล้วตัวซีรีส์ไม่ได้เน้นเรื่องหนักไปที่ว่า ‘ชีล่าเป็นซอมบี้และจะหาความจริงหรือสาเหตุให้ได้’ แต่จะเล่าเน้นไปที่เรื่องราวระหว่างทางเสียมากกว่า เช่น ตัวละครจะรับมือหรือปรับตัวกับสถานการณ์ประหลาด ๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ชีล่าเป็นผีดิบอย่างไร

รีวิว Santa Clarita Diet

โดยประเด็นน่าสนใจมีได้ดังนี้

โลกของนักล่า-อัศวินแห่งเซอร์เบีย

ครั้งแรกที่เราได้ยินชื่อเซอร์เบียกฺ็ตอนท้ายของซีซัน 1 ก่อนจะมาขยายความใหญ่โตในซีซัน 2 ซึ่งสำหรับซีซัน 3 นี้ตัวซีรีส์ได้สร้างโลกและวางกฎเกณฑ์ต่างๆไว้น่าสนใจทีเดียว รวมไปถึงการที่ครอบครัวแฮมมอนด์จะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ดูเป็นองค์กร มีสายบังคับบัญชาก็ยิ่งทำให้เรื่องราวเข้มข้นขึ้น พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูมากหน้าหลายตาและไม่อาจคาดเดาได้ซึ่งจะทำให้ซีซันต่อๆไปทวีความเข้มข้นขึ้น

พันธมิตรผีดิบ

สองซีซันแรกอาจยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ว่าชีลาและคนอื่นๆติดเชื้อมาจากอะไรกันแน่นอกจากหอยติดเชื้อในร้านอาหาร แต่ในซีซันนี้ ชีลาเริ่มค้นพบว่าตัวเองสามารถมอบความอมตะให้ผู้อื่นได้ด้วยการกัด แต่นั่นก็ยังไม่เท่าการที่เธอและโจเอลจำต้องต่อกรกับผีดิบชั่วๆที่อาจแพร่เชื้อจนมนุษย์สูญพันธุ์ต่อไปก็เป็นได้

เรื่องกิ๊กกั๊กระหว่าง แอ๊บบี้ กับ เอริก

ต้องยอมรับว่านอกจากสีสันซีรีส์ครอบครัวปนสยองที่เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของ Santa Clarita Diet ตลอดมาแล้ว ความสัมพันธ์โรแมนติกระหว่าง แอ๊บบี้ สาวน้อยที่ดูเป็นผู้ใหญ่เกินตัว กับ เอริก หนุ่มน้อยขี้แหย ก็ถือเป็นอารมณ์โรแมนติกชวนลุ้นที่ทำให้คนดูอมยิ้มได้เสมอ ยิ่งความสัมพันธ์ในซีซัน 3 นี้ถูกทดสอบความรู้สึกของทั้งคู่อย่างใหญ่หลวงเลยทีเดียว

ราโมนา

ใครดูมาตั้งแต่ซีซันแรกคงปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวละคร ราโมนา ของ ราโมนา ยัง สาวหน้าเอเซียได้เพิ่มสีสันให้เรื่องราวมีความฮาขึ้นและทวีเสน่ห์มากขึ้นๆ จากพนักงานสาวหน้านิ่ง สู่กิ๊กของเอริกที่เปิดเผยตัวในซีซัน 2 ว่าเธอเองก็กระหายเนื้อมนุษย์เหมือนชีลาและเป็นคนที่แนะนำให้ชีลารู้จักกับมิสเตอร์บอลเล็ก ตัวปรสิตที่ผีดิบต่างอาเจียนออกมา แม้ในซีซัน 3 เธอจะโผล่หน้ามาน้อยเหลือเกินแต่ที่ปฏิเสธไม่ได้คือยิ่งจำนวนซีซันมากขึ้นเธอก็ยิ่งทวีความฮอตมากขึ้นจริงๆ

ความแตกต่างกับภาพยนตร์หรือซีรีส์ซอมบี้กินคนเรื่องอื่น ๆ

ความแตกต่างของ Santa Clarita Diet กับภาพยนตร์หรือซีรีส์ซอมบี้กินคนเรื่องอื่น ๆ ก็คือตรรกะและอารมณ์ของเรื่องที่เพี้ยนและบ้าสุด ๆ หรือจะเรียกว่าเป็นซีรีส์ตลกร้ายมากกว่าสยองขวัญก็ได้ โดยในแต่ละตอนจะแบ่งเรื่องราวเป็นสองส่วน คือ ส่วนที่เกี่ยวกับผีดิบ เช่น การออกล่าหาอาหารและตามหาเบื้องหลังสาเหตุการเป็นผีดิบของชีล่า

และส่วนของครอบครัวที่เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของชีล่า โจเอลและแอ็บบี้ในแต่ละตอน ซึ่งความสนุกของเรื่องจะอยู่ที่สถานการณ์ต่าง ๆ ที่ตัวละครต้องไปเจอ ยิ่งตัวละครไปอยู่ในสถานการณ์ที่ตลกร้ายเท่าไรก็ยิ่งชวนให้เราหัวเราะมากขึ้นเท่านั้น เช่นการที่ชีล่าเป็นผีดิบที่ต้องกินคนเป็น ๆ โดยมีโจเอลเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดและคอยจัดการเรื่องศพในขณะที่เพื่อนบ้านที่อยู่ขนาบข้างพวกเขาเป็นตำรวจแท้ ๆ

และตัวซีรีส์ก็ชอบเล่นมุกที่ย้อนแย้งเสียดสีตัวละครเอง เช่น ในพาร์ทของครอบครัวที่โจเอลและชีล่าต้องคอยปรามและสอนแอ็บบี้ลูกสาววัยกำลังต่อต้านพ่อแม่ของพวกเขาให้อยู่เข้าที่เข้าทางและไม่ก่อปัญหา ในขณะที่สิ่งที่พวกเขากำลังทำมันย้อนแย้งกับคำสอนของพวกเขาเสียเหลือเกิน

แต่แม้ฉากหน้าของซีรีส์อาจดูเป็นหนังซอมบี้ปนตลกร้าย ในอีกแง่หนึ่งแล้วตัวซีรีส์ก็กำลังพูดถึงเรื่องการใช้ชีวิตธรรมดา ๆ ของครอบครัว ๆ หนึ่งที่ซึ่งก็มีปัญหาเหมือนกับครอบครัวอื่นทั่วไป เช่น ต้องคอยดูแลลูกสาววัยรุ่นที่กำลังอยู่ในวัยที่ชอบตั้งคำถามและต่อต้าน ต้องออกไปทำงานหาเงิน หรือเผชิญปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดในการใช้ชีวิตคู่แต่งงาน ซึ่งครอบครัวนี้เองก็แค่ต้องการจัดการและอยู่กับปัญหาที่เกิดในแต่ละวันให้ได้เท่านั้น

ความเป็นไปในครอบครัวแฮมมอนด์

แม้เราจะได้รู้จักและคุ้นเคยกับโจเอล กับ ชีลา และแอ๊บบี้ กันมา2ซีซันแล้ว แต่ในซีซัน 3 เราจะได้พบความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ทั้งทัศนคติของโจเอลเองที่จะต้องก้าวข้ามอคติต่อพฤติกรรมผีดิบของชีลา หรือความกลัวของชีลาที่จะต้องใช้ชีวิตนิรันดรของตัวเองเพียงลำพัง รวมไปถึงข้อเสนอของชีลาต่อโจเอลในตอนท้ายเรื่องที่เชื่อเลยว่าหากมีซีซันต่อๆไปเรื่องราวจะทวีความเข้มข้นขึ้นอีกแน่นอน

จุดเด่นของเรื่อง

อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นและเสน่ห์สำคัญของเรื่องก็คือตัวละครต่าง ๆ ในเรื่อง ทั้งตัวละครหลัก และตัวละครรอง ซึ่งถือว่าซีรีส์ทำตัวละครทุกตัวออกมาได้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก ๆ ถึงแม้เส้นเรื่องหลักจะเกี่ยวข้องกับชีล่าและโจเอลที่พยายามจัดการกับความวุ่นวายที่เกิดจากการเป็นผีดิบของชีล่า

แต่ตัวละครอื่นก็มีเนื้อเรื่องของตัวเองที่สนุกไม่แพ้กัน เช่น แอ็บบี้กับเอริคหนุ่มเนิร์ดข้างบ้านที่คอยช่วยเหลือหาทางรักษาชีล่า ที่มักชอบออกไปสร้างความวุ่นวายด้วยกัน หรือแอนน์ ตำรวจสาวและแฟนของแม่ของเอริคที่อาศัยอยู่ข้างบ้านของชีล่าและโจเอล

คอยตามสืบคดีคนหายอย่างลึกลับในเมืองหรือก็คือคนที่ถูกชีล่ากินไปนั่นเอง และแกรี ผีดิบที่โผล่มาแค่หัว ซึ่งเขาเองก็มักชอบใช้คำพูดเชิงเสียดสีชีล่าและโจเอลเพื่อสร้างสีสันให้เสมอ

โดยรวม

โดยรวมแล้วตัวซีรีส์ทั้ง 3 ซีซั่นนี้จะออกแนวเน้นไปทางเล่าเรื่องชีวิตของครอบครัว ๆ หนึ่งที่พยายามทำทุกอย่างให้เหมือนปกติมากกว่าจะเน้นเรื่องปมปริศนาการเป็นซอมบี้ของตัวละครซึ่งก็ถือว่าทำได้ดี หรือจะเรียกได้ว่าตัวละครไม่ได้มองสถานการณ์ว่าจะรักษาความเป็นผีดิบได้ไหมแต่ว่าตัวละครจะอยู่กับสิ่ง ๆ นี้อย่างไรมากกว่า

โดยปัจจุบันตัวซีรีส์จบบริบูรณ์แล้วที่ซีซั่น 3 สรุปรวมอยู่ที่ซีซั่นละ 10 ตอน ตอนละประมาณ 30 นาที แต่โดยส่วนตัวคิดว่าตัวเนื้อเรื่องกำลังสนุกขึ้นเรื่อย ๆ จึงชวนให้รู้สึกเสียดายในช่วงท้ายของซีซั่นสุดท้ายที่รู้สึกว่าจบค่อนข้างรวบรัดไปนิด แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าจบได้แบบไม่ได้มีอะไรให้ค้างคา

สรุป

ซีรีส์ซอมบี้กินคนตลกร้ายที่จะเป็นอีกมุมของซีรีส์ผีดิบกินคนส่วนใหญ่ที่เราเคยดูมา โดยเล่าผ่านครอบครัวธรรมดาครอบครัวหนึ่งที่ภรรยาเป็นผีดิบกินคน และคนในครอบครัวก็พยายามช่วยกันรักษาทุกอย่างเอาไว้ให้เป็นปกติ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

The Babysitter

Pokemon Mewtwo Strikes Back Evolution

One punch man - เทพบุตรหมัดเดียวจอด