Ozark Season 3
รีวิว Ozark Season 3 - โอซาร์ก
กลับมาสานต่อความหายนะ ในสิ่งที่ครอบครัวเบิร์ด ได้ถลำลึกลงไปในวงการมืดที่พวกเขาต้องคอยฟอกเงินให้กับแก๊งค์ค้ายาสุดโฉด มาดูว่า ซีซั่นที่ 3 นี้ จะยังคงระดับความมันส์และความเข้มข้นไว้ได้ในแบบซีซั่นก่อนหน้านี้หรือไม่ รีวิว Ozark Season 3
เรื่องย่อ
หลังจากที่ครอบครัวเบิร์ดต้องหาทางดิ้นรนเอาตัวรอดจากแก๊งค์ค้ายาด้วยการฟอกเงิน และสร้างธุรกิจคาสิโนขึ้นมา กลายเป็นว่าคนที่ถลำลึกลงไปไม่ใช่มาร์ตี้ แต่เป็นเวนดี้ ภรรยาของเขา ซึ่งในซีซั่นที่แล้ว มีพัฒนาการตัวละครที่ชวนให้ทุกคนตะลึงหลายๆ อย่าง ทั้งๆ ที่มาร์ตี้เป็นฝ่ายที่อยากจะหนีออกจากตรงนี้ทุกอย่าง มาในซีซั่นนี้ จะเป็นเหตุการณ์หลังจากเปิดคาสิโนได้ 6 เดือน การดำเนินธุรกิจการฟอกเงินก็ดำเนินไปเรื่อยๆ จนมาถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายครั้งใหม่ เมื่อหัวหน้าของพวกเขา แก๊งค์นาร์วาโร กำลังทำสงครามกับแก๊งค์คู่แข่งอื่นอยู่ ทำให้ครอบครัวเบิร์ดต้องถูกบีบคั้นให้ฟอกเงินก้อนโตอีกครั้ง แต่ก็ทำได้ไม่สะดวกนักเมื่อ FBI ก็ได้เข้ามาตรวจสอบกิจการ หายใจรดต้นคอเพื่อหาทางเอาผิดให้ได้
ในซีซั่นที่ 3 นี้ ได้ขยายสเกลเนื้อเรื่องขึ้นอีกในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการขยับขยายกิจการคาสิโน ที่ต้องหาทางสายเทาๆ เข้าไปพัวพันกับแก๊งค์ผู้มีอิทธิพล เพื่อบรรลุเป้าหมายในการฟอกเงิน เพราะว่าครอบครัวเบิร์ดเองเป็นผู้มีส่วนร่วมรู้เห็นในการฟอกเงินครั้งนี้ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่พวกลูกๆ ซึ่งในซีซั่นที่แล้ว เวนดี้มีบทเด่นมากในเรื่องการเมือง ในครั้งนี้เธอจะเข้ามามีบทบาทในการเจรจาธุรกิจมากขึ้นเมื่อเธอได้สนิทกับเฮเลน ทนายคนโปรดของนาร์วาโร และทางแก๊งค์ที่อยู่ระหว่างสงคราม ต้องการหาแหล่งรายได้ใหม่ที่ถูกกฏหมาย ก็เป็นหน้าที่ของเวนดี้ที่จะต้องจัดการเรื่องพวกนี้ เพื่อที่พวกเขาจะได้ฟอกเงินและรอดจากการถูกฆ่า สามารถอ่านรีวิวของ Season 1 และ 2
เนื้อเรื่อง
หลังจากที่ครอบครัวเบิร์ดต้องหาทางดิ้นรนเอาตัวรอดจากแก๊งค์ค้ายาด้วยการฟอกเงิน และสร้างธุรกิจคาสิโนขึ้นมา กลายเป็นว่าคนที่ถลำลึกลงไปไม่ใช่มาร์ตี้ แต่เป็นเวนดี้ ภรรยาของเขา ซึ่งในซีซั่นที่แล้ว มีพัฒนาการตัวละครที่ชวนให้ทุกคนตะลึงหลายๆ อย่าง ทั้งๆ ที่มาร์ตี้เป็นฝ่ายที่อยากจะหนีออกจากตรงนี้ทุกอย่าง มาในซีซั่นนี้ จะเป็นเหตุการณ์หลังจากเปิดคาสิโนได้ 6 เดือน การดำเนินธุรกิจการฟอกเงินก็ดำเนินไปเรื่อยๆ จนมาถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายครั้งใหม่ เมื่อหัวหน้าของพวกเขา แก๊งค์นาร์วาโร กำลังทำสงครามกับแก๊งค์คู่แข่งอื่นอยู่ ทำให้ครอบครัวเบิร์ดต้องถูกบีบคั้นให้ฟอกเงินก้อนโตอีกครั้ง แต่ก็ทำได้ไม่สะดวกนักเมื่อ FBI ก็ได้เข้ามาตรวจสอบกิจการ หายใจรดต้นคอเพื่อหาทางเอาผิดให้ได้
แต่ความเห็นของเวนดี้ และมาร์ตี้ ไม่ลงรอยกันเสียเท่าไหร่ เราจะเห็นได้ตั้งแต่ซีซั่นที่แล้วว่า มาร์ตี้ พยายามจะหาทางหนีและเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่เวนดี้เป็นคนที่กลับมาทำให้ทุกๆ อย่าง มันถลำลึกลงไป ซึ่งในซีซั่นนี้ มันยิ่งถลำลึกลงไปยิ่งกว่าเก่าเป็นอีกเท่าตัว เราจะได้เห็นฉากดราม่า เชือดเฉือนทั้งความรู้สึกระหว่างบทสนทนาของคู่สามีภรรยาเบิร์ดบ่อยมาก จนมันไปกระทบกับความสัมพันธ์ของทั้งสอง
มีตัวละครใหม่เข้ามาดูหนังสดสร้างสีสันให้เรื่องราว จากที่เดาทิศทางยากอยู่แล้ว ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เมื่อน้องชายแท้ๆ ของเวนดี้ เบนจามิน ได้ลี้ภัยหลบหนีคดีมาพักกับครอบครัวเบิร์ด ซึ่งตัวละครนี้มีปมพิเศษบางอย่างนั่นก็คือ เขาเป็นโรคจิตเภท ไบโพลาร์ที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ทำให้เขากลายเป็นระเบิดเวลาที่อาจจะระเบิดและสร้างความปั่นป่วนให้กับเนื้อเรื่องได้แบบชนิดที่ว่า ในเรื่องที่เดาได้ มันเดาไม่ได้ยิ่งขึ้นไปอีก และซีซั่นนี้เป็นครั้งแรกที่ครอบครัวเบิร์ด จะเผชิญหน้ากับตัวบอสใหญ่ที่คอยบงการเขาอย่าง โอมาร์ นาร์วาโร
แม้ว่าเนื้อเรื่องหลายๆ อย่างจะเป็นการเล่าต่อจากภาคที่แล้ว แต่มีบางส่วนที่ตัวซีรีส์ กลับข้ามมันไปแล้วบอกผ่านบทพูดแทน ทั้งๆที่ตอนจบของซีซั่นที่ 2 อย่างการระเบิดออฟฟิศของเบิร์ด เพราะไปขัดแข้งขัดขากับแก๊งค์มาเฟียแคนซัส ก็ถูกข้ามไปกลายเป็นว่าดีกันซะงั้น แต่ซีซั่นนี้ก็มีจุดแตกหักระหว่างตระกูลเบิร์ดกับมาเฟียนี้เหมือนกัน
การดำเนินเรื่องในซีซั่นนี้
การดำเนินเรื่องในซีซั่นนี้ จะให้ความคล้ายคลึงกับซีซั่น 1 อย่างมาก ซึ่งยังคงเน้นบทพูดต่างๆ และค่อยๆ เพิ่มความกดดันเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ตัวเอกต้องเจอภายในเรื่อง แต่หลายๆส่วนรู้สึกว่าจะดรอปลงไปกว่าซีซั่นที่ 2 อยู่พอสมควร แทนที่ด้วยดราม่าที่เข้มข้นแทน เพราะว่าซีซั่นที่ 2 มีฉากที่เกี่ยวกับความเป็นความตายแทบจะทุกตอน แต่มาในซีซั่นนี้รู้สึกว่ามันน้อยลงกว่าเดิม
ดูเหมือนว่าซีซั่นนี้ จะ Back to Basic ไปในรูปแบบของเว็บสตรีมหนังซีซั่น 1 ที่เล่าเรื่องขยายต่อจากเดิม มีฉากกดดันประปราย แต่ทำให้เราเข้าใจตัวละครต่างๆ ได้มากขึ้น ทั้งสถานการณ์ อารมณ์ การตัดสินใจ และในซีซั่นนี้จะมีพัฒนาการตัวละครของมาร์ตี้ เบิร์ด ที่ในซีซั่นที่แล้วโดนบทของภรรยาแย่งเด่นไปหมด แต่ครั้งนี้เราจะไปเห็นถึงภูมิหลังบางอย่างของเขาด้วย ทำให้เราเข้าใจตัวละครนี้มากยิ่งขึ้นไปอีก แต่บทของเวนดี้ก็ยังมีพัฒนาการและเป็นตัวหลักอีกตัวที่ยังทำให้เราคอยลุ้น เอาใจช่วย หรือสาปส่งแล้วแต่คนดูอีกตัวละครนึง
ความดีงามอีกอย่างในซีซั่นนี้ก็คือ รูธ แลงมัวร์ ที่ยังคงพัฒนาการตัวละครได้ดี หลังจากที่เธอสูญเสียพ่อไป ดราม่าระหว่างเธอกับลูกพี่ลูกน้องของเธอก็ช่วยดำเนินเรื่องให้ไปในทางที่คาดไม่ถึงเหมือนกัน ทั้งเรื่องความรักต่างวัยแบบสุดๆ ที่ไม่คิดว่าเขาจะกล้าเล่าและนำเสนอออกมาในมุมนี้ และการกลับมามีบทบาทของ ดาร์ลีน แม่ม่ายเจ้าของไร่ฝิ่นที่ยังคงความบ้าเอาไว้
การสร้างสรรค์ตัวละคร
Ozark เป็นซีรีส์ที่มีตัวละครเยอะมาก แล้วที่ชื่นชอบมากคือแต่ละตัวละครที่โผล่หน้ามาในหนังนั้น ไม่มีตัวละครระดับเบี้ยไบ้รายทางเลย ทุกรายล้วนมีความสำคัญกับเนื้อหาของหนังทั้งสิ้น ทุกตัวมีบุคลิกที่โดดเด่น พอหนังวางความสัมพันธ์ของแต่ละตัวละครที่โยงใยกันอย่างครบถ้วนแล้ว การกระทำของตัวละครหนึ่งก็ล้วนกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ต่อเนื่องไปทั่วถึงอีกหลาย ๆ ตัวละคร
ความดีความชอบนี้ก็ต้องยกให้กับ บิล ดูบิวค์ ผู้สร้างสรรค์ซีรีส์และเป็นผู้เขียนบทหลักที่สร้างสรรค์ตัวละครแต่ละตัวออกมาได้อย่างมีสีสัน น่าสนใจ และมีพัฒนาการอย่างเห็นได้ชัด และหลาย ๆ ตัวละครน่าจะเป็นตัวละครที่คนดูรักได้ง่าย ๆ ที่โดดเด่นสุดก็ต้องเป็น “บัดดี้” ตาลุงแก่เจ้าของบ้าน ที่ครอบครัวเบิร์ดมาอาศัยอยู่ บัดดี้บอกว่าเขาเป็นมะเร็งจะตายแล้ว เขาขอใช้ชีวิตบั้้นปลายลงไปอยู่ในห้องใต้ดินแล้วจะไม่รบกวนครอบครัวเบิร์ด ให้ทุกคนอยู่ในบ้านเขาได้อย่างสบายใจ
บัดดี้ ใส่อ๊อกซิเจนช่วยหายใจตลอดเวลา เดินกระย่องกระแย่ง แต่เมื่อผ่านไปแต่ละตอนแล้ว ตาลุงบัดดี้นี่ล่ะ ขาเก๋าตัวจริง อดีตของลุงค่อย ๆ เปิดเผยมาทีละน้อย แล้วก็มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อครอบครัวเบิร์ด ช่วยพาครอบครัวนี้ผ่านนาทีเป็นนาทีตายมาหลายครั้ง แล้วยังเป็นเพื่อนรักของโจนาห์ ลูกชายคนเล็กของครอบครัว เป็นตัวละครที่โคตรน่ารัก นี่คือตัวอย่างที่ดีงามของการใส่พัฒนาการตัวละคร ทั้งการเผยตัวตน และการสร้างความสัมพันธ์ของตัวละคร
โจนาห์ เป็นอีกตัวละครที่น่าสนใจอย่างมาก เป็นเด็กผู้ชายที่เงียบ ผิดจากที่พี่สาวที่โผงผางเจ้าอารมณ์ โจนาห์ ชอบฟังและเรียนรู้ทุกอย่างเงียบ ๆ แต่เมื่อผ่านไปถึงซีซัน 2 เราก็ได้เห็นล่ะว่า ไอ้หนูนี่ไม่ธรรมดาเลย รับเอาความเจ้าเล่ห์ของแม่ ความฉลาดของพ่อมาอย่างเต็ม ๆ เรียนรู้กระบวนการฟอกเงินของพ่อและแม่ได้อย่างรวดเร็ว แล้วเอามาประยุกต์ใช้ได้อย่างน่าทึ่ง จนพ่อกับแม่ยังตกใจว่านี่เราสร้างตัวอะไรขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ดาร์ลีน สเนลล์ เปิดตัวมาแบบโคตรบ้าน ๆ ธรรมดา ดาร์ลีน เป็นเมียของ เจค็อบ สเนลล์ เจ้าพ่อค้ายาประจำโอซาร์ก ฉากหน้าของดาร์ลีนคือยายแก่ปากจัด อารมณ์ร้าย และนี่คือตัวละครที่มีบทบาทระดับต้น ๆ ของซีรีส์เลย เธอคือตัวละครที่สร้างความฉิบหายระดับรุนแรงให้กับครอบครัวสเนลล์ แล้วยังเป็นตัวที่พาเรื่องราวของซีรีส์ไปถึงจุดวิกฤติหลายต่อหลายครั้ง เป็นตัวละครที่จะมีบทบาทอย่างมากในซีซัน 3 น่าติดตามว่าเธอจะสร้างความโกลาหลอะไรให้กับเรื่องราวได้อีกมาก
จุดเด่น
เสน่ห์หลักของ Ozark เลยล่ะ หนังสร้างตัวละครที่น่าสนใจขึ้นมามากมายอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งเป็นตัวละครระดับขับเคลื่อนเรื่องราวเลย แต่แล้วก็ฆ่าตัวละครเหล่านี้ทิ้งซะเฉย ๆ ถึงกับต้องร้อง เฮ้ย!! เอางี้เลยเหรอ แล้วทำแบบนี้กับหลาย ๆ ตัว เราคิดว่าไอ้ตัวนี้จะต้องอยู่สร้างความวุ่นวายไปอีกนาน ๆ ก็ถูกกำจัดทิ้งซะ ซึ่งทำให้เราคิดว่าการที่ตัวร้ายพวกนี้ตายไปแล้ว เนื้อหาจะผ่อนเบาลง แต่ก็เปล่า ความเก่งความเชี่ยวของทีมเขียนบทก็สร้างตัวละครใหม่ออกมาที่มีพิษสงรุนแรงกว่าเดิม เพิ่มดีกรีความเข้มข้นมากขึ้นไปอีก
โดยรวม
ยังคงรักษามาตรฐานเอาไว้ได้ดีเหมือนเดิม แม้จะมีดรอปลงไปในบางส่วน เนิบนาบในบางช่วง แต่ก็ไม่ทำให้ความสนุกลดลง และด้วยเซอร์ไพรส์ในตอนจบที่ทำให้หวนนึกถึงตอนจบแบบซีซั่น 1 เป๊ะๆ ขอบอกเลยว่า ซีซั่น 4 คงจะเป็นอะไรที่คาดเดาไม่ได้ไปอีกยิ่งกว่าเดิม
สรุป
แม้จะดรอปลงไปบ้างจากซีซั่นที่แล้วในด้านความกดดัน แต่ถูกแทนที่ด้วยดราม่าเข้มๆ รวมถึงพัฒนาการตัวละครหลักได้อย่างน่าสนใจ และถึงเพิ่มระเบิดเวลาลูกใหม่ที่จะทำให้เรื่องราวมันดิ่งลงเหวขึ้นไปอีก ถือว่าเป็นซีรีส์อีกเรื่องที่ใครชอบแนว Bad Joke แบบ Breaking Bad ก็ไม่ควรพลาด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น